Tuesday, December 15, 2015

Japan that changes my mind.

ถ้าไม่นับทริปประปราย ข้ามชายแดนใกล้ เที่ยวกับครอบครัว หยิบโย่ง ลัลล้าไม่เตรียมแพลน
ก็คงต้องนับว่าทริป ญี่ปุ่น กับเพื่อนคนนึง เป็นทริป vs The World ครั้งแรก
แต่จริงๆ เริ่มต้นจองทริป ฮ่องกง มาเก๊า กับ Air Asia โปร 0 บาทก่อน ในยุคที่ 0 บาทจริงๆ สวิงสวาย
แล้วจู่ๆ นางสาว (นามสมมติ) ยี่ เพื่อนเม้าท์มอยสุดสนิทก็มาชวนไปญี่ปุ่นตัดหน้า


ญี่ปุ่นในความคิดสมัยปีหนึ่ง


"ญี่ปุ่นแบลงค์ๆ" 


คือญี่ปุ่นแบลงค์ๆ สำหรับคนไม่อ่านการ์ตูนจริงจัง (โคนัน โดราเอม่อน ไม่นับ มันเหมือนเป็นหนังสือเรียน ที่ใครๆ ก็ต้องอ่าน)
คือญี่ปุ่นแบลงค์ๆ สำหรับคนไม่ดูอะนิเมะจริงจัง (ไม่นับพวกช่อง 9 การ์ตูน อาราเล่จิ้มขี้ หรืออิกคิวซัง)
คือญี่ปุ่นแบลงค์ๆ สำหรับคนไม่ติ่งดารา ซีรี่ส์ ละคร เพลงญี่ปุ่นจริงจัง (แต่ก็รู้จัก Arashi Scandal ฟังเพลง แต่ไม่ติ่ง)

ไปด้วยความว่า เอ้อ มันคือญี่ปุ่น มันสวยนะ วิววัดที่ไม่เหมือนบ้านเรา
อยากเห็นเด็กมัธยม ใส่แจ๊คเกตน้ำเงิน ตีเบสบอล มันคงเท่ดี

แต่แล้วหลังจากผ่านทริปผจญโลกญี่ปุ่นครั้งแรก


"ญี่ปุ่น Never Been Bored"


คือญี่ปุ่นที่ต้องกลับไปอีก ทำยังไงก็เที่ยวไม่ครบ
คือญี่ปุ่นที่ไม่เคยหยุดเดิน ไปตรงไหน ก็มีอะไรสวิงสวาย ให้กรี๊ดกร๊าด โอ้โห ทุกที
คือญี่ปุ่นที่ไม่เบื่อสักที ....และตอนนี้กำลังจะเป็นญี่ปุ่นครั้งที่ 5 หรือ 6 ที่คงจะไม่นับแล้วแหละ

และนี่คือญี่ปุ่น สำหรับ ครั้งแรก





  • ญี่ปุ่น คือ สถานที่รวมความบ้าคลั่งของรถไฟ
คงจะปฏิเสธไม่ได้ ขนาดไปทัวร์ได้ขึ้นชินคันเซ็นครั้งแรก นี่มันรถไฟที่ดีกว่าเครื่องบิน และลีมูซีน เร็ว มีของกิน แถมเส้นทาง ขนาดแค่รถไฟใต้ดินในโตเกียว สายรถไฟช่างงงวย สับสน เยอะเป็นใยแมงมุม เด็กตาดำๆ ที่เผชิญรถไฟมาแค่ สายสีลม สายสุขุมวิท และรถไฟใต้ดิน ถึงกับจะเป็นลม



ยังจำได้ดี ครั้งที่ขึ้น Yamatone Line (ป่ะวะ? ที่มันวิ่งรอบโตเกียวเป็นวงกลม) ที่พักอยู่ Ikebukuro แต่รถไฟบอกว่า Bound for อะไรสักอย่าง ไอ้เราก็นึกพิศดารว่าเอ๊ะ มันไปไม่ถึงนี่หว่า เลยกระโดดลงก่อน สรุป รถมันวิ่งเป็นวงกลมไหม แล้ว Bound for คือไม่ได้แปลว่า ข้ามสถานีนี้ไป แต่หมายถึงไปปลายทางถึงสถานีนี้แล้วเดี๋ยวมันก็เริ่มใหม่ ...สรุป ก็งงเป็นไก่ตาแตกตั้งแต่โดดลงรถมา

หรือแม้การเดินต่อสาย ที่มันมีเชื่อมตั้ง 4 สาย ด้วยความคนไทยขี้เกียจเดินลงบันได ลงบันได สรุปมันเลยช่องที่จะแยกไปอีกสาย เพราะทางเข้าที่เราเดินมา มันต้องเดินลงบันไดครึ่งชั้น ถ้าลงบันไดเลื่อนคือลง 1 ชั้น สรุป ลงไปแล้วต้องขึ้น จบกันชีวิต ถ้าจะต่อแล้วยากขนาดนี้

หรือแม้กระทั่งชินคันเซ็น ที่มีตู้พิเศษ มีวงกลม สามเหลี่ยมมากมาย รถไฟหวานเย็นระหว่างเมือง นี่ก็ชอบไปไม่ถึงสถานีที่ต้องการ เราต้องโดดลงด้วยความงง เพราะทุกคนลงหมด แล้วสรุปมันต้องโดดขึ้นชานชาลาข้าง ดันโง่ งง ยืนรอ สรุปไม่ได้ไปต่อ รอขบวนต่อไปแบบงงๆ อีก 20 นาที



ถ้าบอกว่าขึ้นรถเมล์ไทยได้ ก็ขึ้นรถเมล์ได้ทุกที่เพราะของไทยงงที่สุดก็คงจริง
และถ้าขึ้นรถไฟญี่ปุ่นได้ ก็จะขึ้นรถไฟทั่วโลกได้ เพราะรถไฟที่นี่เป็นระบบที่สุด...ระบบเยอะเกินไปจนงง

แต่ยิ่งขึ้น เราก็จะยิ่งรู้สึกเอาชนะรถไฟญี่ปุ่นให้ได้ โดยการเป็นผู้เชี่ยวชาญ เราจึงขึ้น ขึ้น ขึ้นไปเรื่อยๆ ใช้มันทุกพาสที่มีในประเทศให้คุ้มค่า รถไฟอะไรแปลก มาสคอตอะไรเอามาให้หมด เราต้องพยายามไปให้ได้

  • ญี่ปุ่น คือสถานที่ที่หลุดออกมาจากในหนัง
ด้วยความที่ดูหนังญี่ปุ่นมาก็ไม่น้อย แต่ก็ไม่มาก ก่อนไปไม่ค่อยบ้าคลั่ง ออกไปทางกระแส Taiwan Pop ซะมากกว่า เรามักจะเห็นซีนอย่างฟ้า 70% พื้นดินเขียว 30% หรือซีนนั่งรถไฟ ข้างทางเป็นแม่น้ำ สนามเบสบอล นี่คือสิ่งที่อยากมาเห็นกับตา



ซึ่งไม่ยากเลย ญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ในเมืองใหญ่ ทุกซอกหลืบ ทุกชุมชนจะมีย่านให้พักพิงแบบในหนัง ยิ่งถ่ายรูปยิ่งสวย ยิ่งนั่งยิ่งฟิน ยิ่งอยากมาอยู่นานๆ เป็นคนที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชอบ แต่รู้สึกว่าแค่ได้เดินเลาะริมน้ำ หรือนั่งคนทำกิจกรรมตอนเย็นๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนในหนัง นี่คือความฟินติดอันดับแรกของการท่องเที่ยวทุกครั้ง

หรืออย่างซีนซุ้มดอกไม้สวมงาม ไม่ว่าจะชมพูซากุระ หรือเหลืองแปะก๊วย มันให้อารมณ์ในอีกแบบที่หาที่บ้านเขตร้อนอย่างเราไม่ได้จริงๆ




  • ญี่ปุ่น คือ ประเทศที่มีตั้งแต่เทคโนโลยี Man-made ยัน ธรรมชาติสวยงาม 
ถ้าพูดว่าญี่ปุ่นขาดอะไร คงนึกยากมาก ของถูกล่ะมั้ง เพราะค่าครองชีพเรียกว่าแพงติดอันดับต้นๆ แต่ถ้าเทียบอย่างอื่น เหมือนญี่ปุ่นเป็นประเทศขี้แข่งขันอยู่เหมือนกัน เวลาคนอื่นมีอะไร ญี่ปุ่นจะต้องพัฒนา และผลิตออกมาให้ดีกว่า ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็มีธรรมชาติที่เพียบพร้อม วัฒนธรรมที่ไม่มีใครซ้ำ ถ้าจะดูแบบนี้ต้องมาญี่ปุ่น รวมถึงวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์กันเอง อย่างถื่น ฮาราจูกุ ที่ไม่มีถนนใดในโลก หรือสาวคนไหนในโลก จะ weird แตกต่างอย่างมั่นใจได้เท่าญี่ปุ่นอีกแล้ว

และที่สำคัญ ญี่ปุ่นมีหิมะ...




บางทีแค่สิ่งเล็กๆ หรือแค่คนไม่กี่คนที่พบ ก็อาจจะเปลี่ยนความคิดหนึ่งไปสู่อีกความคิดหนึ่งเลยก็ได้ และนี่ก็เป็นที่สิ่งฉันเปลี่ยนต่อญี่ปุ่น รวมถึง...ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนฉันด้วย

0 comments:

Post a Comment